เมื่อผู้เขียนได้เดินทางไปถึงพบว่าส่วนของการเข้าชมในสุสานนี้แบ่งได้เป็นสองส่วนหลุมศพขององค์ชายมุนฮโยอยู่ในพื้นที่เปิดให้เข้าชมได้ แต่ส่วนของพระสนมอียบินนั้นได้ทำการฝังร่วมกับพระสนมองค์อื่นของโชซอนต้องทำการขอนุญาตก่อนถึงจะได้ชมเนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลนั้นเอง ด้วยเหตุนี้ผู้เขียนจึงได้เข้าชมในส่วนขององค์ชายมุนฮโยเท่านั้น อย่างไรก็ตามประวัติความเป็นมาของสุสานซอซัมรึงน่าสนใจไม่น้อยโดยเฉพาะการสร้างการถูกย้ายสุสานต่าง ๆ ในสมัยที่ญี่ปุ่นเข้ายึดครองทำให้สุสานแห่งนี้มีตำแหน่งการวางพระศพเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่ได้สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าจองโจศพของทั้งสองพระองค์ถูกแยกในการฝังใหม่ในช่วงเวลานี้ อีกหนึ่งที่ผู้เขียนสนใจคือ เรื่องราวของพระสนมอึยบิน พระสนมเอกในพระเจ้าจองโจรักแท้ที่รอคอยมานานแสนนานแต่ก็มีช่วงเวลาในการครองคู่เป็นครอบครัวเดียวกันได้ไม่นานนักประมาณ 4 ปีเท่านั้นพระสนมและพระโอรสของพระนางนั้นสิ้นพระชนม์ในปีเดียวกันคือปี พ.ศ.2329 เรามาพูดถึงสุสานหลวงซอซัมรึงคือสถานที่เก็บพระศพขององค์รัชทายาทมุนฮโย และ พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์รวมถึงพระสนมอึยบินด้วยเช่นกันดีกว่าค่ะ ซอซัมรึง มีความหมายตามตัวอักษรว่า " สามสุสานแห่งทิศตะวันตก " จัดเป็นแหล่งโบราณสถานลำดับที่ 200 ภายในสุสานแบ่งออกเป็นสามส่วน
1. Huineung (휘릉) อึยรึง ราชินีซังกย็อง พระมเหสีคนที่สองของพระเจ้าจุงจง พระราชาอันดับที่ 11 แห่งโชซอน คือพระมเหสีจางกยอง กล่าวกันว่าพระนางทรงสวรรคตเนื่องจากอาการป่วยหลังการคลอดบุตร และทรงเป็นพระมารดาของพระเจ้าอินจงพระราชาอันดับที่ 12 ของโชซอน กล่าวว่าพระนางสิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการตกพระโลหิตมีเรื่องเล่าว่าแต่แรกพระนางฝังพระศพเคียงข้างกับพระสวามีแต่ต่อมาได้การย้ายของพระเจ้าจุงโจออกไป
2.Hyoneung (효릉) ฮโยรึง สถานที่ฝังพระศพของพระเจ้าอินจงและพระมเหสีอินซอง แต่ในส่วนนี้ไม่เปิดให้ได้ชมกัน พระองค์เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าเจ้าจุงจงทรงปกครองได้เพียงไม่นานก็สวรรคต
3.Yeneung (예릉) เยรึง พระเจ้าซ็อลจง และ พระราชินีซอริน เรื่องราวของพระองค์ถือว่าน่าทึ่งไม่น้อยทั้งการขึ้รครองราชย์ แต่ทรงต้องปกครองบ้านเมืองภายใต้ร่มเงาของพระพันปีทรงครองราชย์ได้เพียงสี่ปีก็สวรรคต หากใครอยากรู้ว่าพระองค์คือใครก็ให้นึกถึง ซีรีย์เกาหลีเรื่อง Mr.Queen
นอกจากนี้ยังมีหลุมศพอีกกว่า 50 หลุ่มที่ใช้ในการฝังพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ทั้งพระสนมและพระราชินี ในสุสานนี้เช่นกันแต่การเข้าชมนั้นจะต้องการจองเพื่อให้ได้รับอนุญาตในการเข้าชมเสียก่อน สุสานที่เปิดให้เข้าชมได้นั้นมีเพียงสุสานของ Huirung และ Yeneung ที่เปิดให้เข้าชมเท่านั้น รวมทั้งส่วนของพระสนมเช่นกันที่ต้องทำการแจ้งขออนุญาตก่อนเข้าชม
หลุมพระศพของพระสนมกว่า 22 หลุม
ในส่วนของที่ผู้เขียนได้เดินทางไปนั้นเป็นในส่วนขององค์ชายมุนฮโยที่ตั้งคู่กับบุตรชายพระองค์โตขององค์รัชทายาทซาโดเป็นพระเชษฐาของพระเจ้าจองโจนามว่าองค์ชายอึนโซแต่สวรรคตในวัยเพียง 2 ชันษาเท่านั้น ผู้เขียนได้ไปที่ ฮโยจังวอน สถานที่ฝังพระศพขององค์รัชทายาทมุนฮโย ที่ตั้งคู่กับ โซเคียงวอน สถานที่ฝังพระศพขององค์ชายอึนโซเป็นสองหลุมตั้งอยู่คู่กันแต่ในส่วนที่ฝังพระศพของมารดาขององค์ชายมุนฮโย คือ พระสนมอึยบินนั้นไม่สามารถที่จะเข้าไปได้จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ซอซัมรึง ฮโยนั้นถือได้ว่าเคยเป็นที่ฝังพระศพของพระสนมอึยบิน ความรักของพระเจ้าจองโจทำให้พระองค์ทรงฝืนราชประเพณีของโชซอนโดยการทำหลุมพระศพของพระสนมเคียงคู่กับองค์รัชทายาทมุนฮโยแต่อย่างที่ทราบต่อมาเมื่อญี่ปุ่นเข้าปกครองเกาหลีก็ได้ทำการย้ายพลุมศพของพระนางไปรวมกับพระสนมองค์อื่นอีก 22 หลุม
เรามาทำความรู้จักกับ บุคคลสำคัญที่พระศพถูกฝังที่ซอซัมรึงกันหากใครได้ดูเรื่องซีรีย์เกาหลีเรื่อง ลีซาน หรือ The Red Sleeve นางในหัวใจแกร่ง จะมีการกล่าวถึงเรื่องราวของทั้งสองพระองค์ คือ พระโอรสของพระเจ้าจองโจที่มีกับพระสนมอึยบิน หรือ ซองด๊อกอิม นามว่าองค์รัชทายาทมุนฮโยทรงสวรรคตเมื่อพระชนม์มายุ 4 ชันษา แต่ซีรีย์สองเรื่องนั้นมีความแตกต่างกันในใช่ชื่อของพระสนมอียบินกล่าวคือ ลีซานจะใช้ซื่อซองโซยอง ซึ่งปรากฏในพงศาวดารโชซอนในการสถาปนาพระอิสริยายศเป็น บิน แต่ในเรื่อง the red sleeve ปรากฏชื่อ ซองด๊อกอิม อันเป็นชื่อที่เชื่อกันว่าเป็นชื่อที่พระสนมตั้งแต่พระสนมได้ประสูติ
องค์ชายมุนฮโย มีฐานนันดรศักดิ์สำหรับพระโอรสพระองค์แรกว่า วอนจา และ เมื่อต่อมาได้ทรงรับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทจึงมีฐานนันดรเป็นวังเซจา ใจจริงผู้เขียนมาสุสานนี้หลังจากได้เคยเดินทางไปยูกอนลึงเมืองซูวอนเพื่อที่จะไปสถานที่ฝังพระศพของพระเจ้าจองโจพระบิดาขององค์ชายมุนฮโยจากนั้นจึงลองหาข้อมูลถึงสถานที่ฝังพระศพพระโอรสพระองค์แรกของพระองค์และพระมารดาผู้ให้กำเนิดองค์รัชทายาทคนแรกของพระเจ้าจองโจ
เมื่อจะกล่าวถึงองค์ชายมุนฮโยก็ต้องทำความรู้จักกับพระสนมอึยบิน กล่าวว่าสุสานของพระนางก็ไม่ได้ห่างไกลนักกับสุสานของโอรสของพระนาง
ซอซัมรึงเป็นโบราณสถานหมายเลขที่ 200 ส่วนที่ผู้เขียนจะอธิบายเป็นส่วนของหลุมศพของพระสนมซึ่งอยู่ในส่วนที่ไม่ได้เปิดให้ผู้คนเข้าชมแบบสาธารณะผู้เขียนจึงจำเป็นต้องใช้ภาพจากเวปมาประกอบ ในส่วนของบริเวณนี้ถูกกแบ่งออกเป็นโอซอก 오석 , บินกุง 비군 และ ฮวาคังซอก 화강석 และยังมีพระสนมยอง หรือยองซังกุงที่ถูกปลด สุสานซอซัมรึง มีหลุมฝังพระศพขององค์ชายและองค์หญิง 22 หลุ่ม ในส่วนของพระกษัตริย์ และ พระราชินีมีการเคลื่อนย้ายในช่วงยุคอาณานิคมของญี่ปุ่น พระศพของพระสนมอึยบินเช่นกันในตอนแรกพระเจ้าจองโจทรงสร้างพระศพเคียงคู่กับองค์รัชทายาทมุนฮโยพระโอรสแต่ในช่วงที่ญี่ปุ่นปกครองเกาหลีนั้นได้ย้ายพระศพของพระสนมออกไปไกลจากเดิมไปรวมกับส่วนของพระสนมองค์อื่นพร้อมคำจารึกที่พระเจ้าจองโจทรงเขียนใหักับพระสนมอึยบิน ในส่วนของหลุมพระศพนั้นจะมีศิลาจารึกปรากฏด้านหน้าของหลุมพระศพที่ทำการสร้างขึ้นมาใหม่ในส่วนของศิลาจารึกอันเดิมที่เคยมีได้ถูกเคลื่อนย้ายออกไป หลุมศพหลายหลุมที่มีการเคลื่อนย้ายได้มาอยู่ในสถานที่เดียวกันมีรั้วเดียวกันด้านหน้าของหลุมพระศพปรากฏมูนินซอก รูปปั้น และ ผู้ประกอบพิธีในการงานฝังพระศพนี้คือสถานที่ในการฝังพระศพของพระสนมอึยบินในซอซัมรึง
เรามาทำความรู้จักกับพระพระสนมอึยบินกันดีกว่าพระนางคือผู้ใดกันเหตุใดจึงเป็นพระสนมที่พระเจ้าจองโจทรงทำศิลาจารึกถึงพระนางอันแสดงให้เห็นถึงความรักที่พระองค์ทรงมีต่อพระสนมเอกพระองค์นี้เป็นอย่างมาก หากเราได้ดูเรื่อง The red sleeve หรือ ลีซานก็จะต้องเคยได้ยินชื่อของสตรีท่านหนึ่งผู้มาจากตระกูลซอง ชื่อที่คนไทยคุ้นเคยคือ ด็อกอิม 덕임 พระองค์ทรงเป็นบุตรของ ซองยุนอู ชีวิตครอบครัวของพระสนมยากจนนัก บิดาของพระสนมทำงานเป็นพ่อบ้านของ ฮงพงฮันซึ่งเป็นพระอัยการของพระเจ้าจองโจ ต่อมารับราชการเป็นทหารและลาออกในเวลาต่อมา ชื่อเดิมของพระสนมอึยบิน คือ ซองด๊อกอิม พระสนมอียบินถือได้ว่าเป็นพระสนมเอกของพระเจ้าจองโจ การที่พระสนมทรงเป็นทำงานในตระกูลฮง ทำให้พระองค์สามารถเข้าวังหลวงได้ในฐานะกุงนยอ (궁녀) คือ เป็นสาวใช้ในราชสำนักเมื่ออายุได้ 10 ปี หลังจากได้รับการฝึกฝนให้เป็นสาวใช้ในราชสำนักก็ได้เข้ารับใช้พระนางฮเกยองพระมารดาขององค์ชายลีซานซึ่งคือพระเจ้าจองโจในลำดับต่อมา มีการกล่าวกันว่าพระสนมอึยบินทรงปฎิเสธของขอจากพระเจ้าจองโจถึงสองครั้งในการเป็นผู้หญิงของพระองค์จนสุดท้ายจึงยอมรับหัวใจของพระองค์ในช่วง 15 ปี และได้เข้าถวายตัวแก่พระเจ้าจองโจในปี และได้ให้กำเนิดองค์ชายมุนฮโย หรือ มุนฮโยเซจา ต่อมาจึงได้รับการสถาปนาเป็นองค์รัชทายาท กล่าวว่าพระองค์ได้รับการเลี้ยงดูจากพระมเหสีฮโยอึย และในปีเดียวกันนั้นพระสนมอึยบินก็ได้ให้กำเนิดพระธิดาแต่ก็สวรรคตในเวลาต่อมา
ภาพพระเจ้าจองโจ พระสนมอึยบินและองค์รัชทายาทมุนฮโย จาก the Red Sleeve
กล่าวว่า ในปี พ.ศ. 2329 องค์รัชทายาทมุนฮโยในวัย 4 ชันษาได้ทรงประชวรด้วยโรคหัดและสิ้นพระชนม์ในปีนั้น พระสนมอียบินทรงเสียพระทัยเป็นอย่างมาก ต่อมาพระนางในทรงพระครรภ์ครั้ง และ ทรงพระประชวรในเดือนสุดท้ายของการทรงครรภ์หลังจากการสวรรคตของพระโอรสของพระองค์ 4 เดือน สาหตุของการสวรรคตของพระสนมอึยบินนัั้นไม่แน่นอนนักกล่าวว่าพระนางอาจจะทรงพระประชวรด้วยโรคมะเร็งตับ ภาวะของครรภ์เป็นพิษแต่เชื่อว่าไม่ได้ทรงถูกวางยาเนื่องจากกล่าวว่าพระเจ้าจองโจทรงระมัดระวังอย่างมากช่วงที่พระสนมอึยบินล้มป่วย จากพงศวดารของพระเจ้าจองโจในวันที่ 14 กันยายนปี 2329 พระเจ้าจองโจทรงเสียพระทัยเป็นอย่างมากในวันนั้นในบันทึก sillok มีการกล่าวถึงความรู้สึกของพระองค์ที่มีต่อพระสนมอึยบิน ที่บันทึกไว้ในวันที่ 14 กันยายน ปี 2329 ซึ่งเป็นปีเดียวกันกับองค์ชายมุนฮโยสวรรคต
นี้คือถ้อยคำทีไ่ด้บันทึกอยู่ใน พงศวดารโชซอน (Sillok)
" 의빈(宜嬪) 성씨(成氏)가 졸(卒)하였다. 하교하기를,
"의빈의 상례(喪禮)는 갑신년194) 의 예에 따라 후정(後庭)의 1등의 예로 거행하라."
하였다. 처음에 의빈이 임신하였을 때 약방 도제조 홍낙성이 호산청(護産廳)을 설치하자고 청하자, 출산할 달을 기다려 하라고 명하였는데, 이때 이르러 병에 걸려 졸(卒)한 것이다. 임금이 매우 기대하고 있다가 그지없이 애석해 하고 슬퍼하였으며, 조정과 민간에서는 너나없이 나라의 근본을 걱정하였다. 홍낙성이 아뢰기를,
"5월 이후로 온 나라의 소망이 오직 여기에 달려 있었는데 또 이런 변을 당하였으니, 진실로 어쩔 줄을 모르겠습니다."
하니, 임금이 말하기를,
"병이 이상하더니, 결국 이 지경에 이르고 말았다. 이제부터 국사를 의탁할 데가 더욱 없게 되었다."
하였다. 이는 대체로 의빈의 병 증세가 심상치 않았으므로 당시 사람들이 무슨 빌미가 있는가 의심하였다고 하였다."
" พระสนมอึยบินสวรรคตพระศพออกจากวังหลวง ควรจะต้องมีการพิธีพระศพของพระสนมตามแบบอย่างของปีคัมซิงในฐานะที่พระนางคือพระสนมเอก ตอนแรก พระสนมอึยบินทรงพระครรภ์ ฮงนัมซองขอให้ตั้งโฮซังซอน เพื่อใช้ในเป็นสถานที่รอการประสูติของพระสนมอึยบิน พระราชาทรงตั้งพระทัยรอการมีพระประสูติกาลแต่ต้องพบกับความเศร้าพระทัยยิ่งนัก ทุกคนในราชสำนักและราษฎรต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับรากฐานของประเทศ พระราชาตรัสว่า " ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ความหวังของโชซอนขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ และ ข้าก็สูญเสียทุกอย่าง ๆ แท้จริงว่าจะทำอย่างไรต่อไป พระองค์ตรัสอีกว่า โรคนี้มันแปลกประหลาด สุดท้ายก็มาถึงจุดนี้ได้ จากนี้ไปไม่มีที่พึ่งของโชซอนอีกแล้ว " ว่ากันว่าผู้คนในตอนนั้นสงสัยสาเหตุคืออะไรเพราะอาการของโรคดูเหมือนจะไม่ร้ายแรง
ในบันทึกยังได้กล่าวถึงพระนามของพระสนมอึยบินที่ได้เปลี่ยนจากซองโซยองได้รับพระนามเป็นพระสนมอึยบิน ในปี พ.ศ.2327
ปี พ.ศ.2329 บันทึกของ sillok ได้กล่าวไว้ว่า
정조실록 22권, 정조 10년 11월 20일 경인 1번째기사 1786년 청 건륭(乾隆) 51년
พงศาวดารโชซอน 20 พฤศจิกายน ปี 2329
하였다. 이는 대체로 의빈의 병 증세가 심상치 않았으므로 당시 사람들이 무슨 빌미가 있는가 의심하였다고 하였다.
" มีความหมายว่าบนเขาด้านซ้ายของฮโยชังมโยพระนามของพระสนมอึยบินถูกฝังอยู่ " แม้เรื่องราวของพระสนมอึยบินจะปรากฏไม่มากนัก เรื่องราวของพระสนมที่คนไทยรู้จักมาจาก ละครสองเรื่องที่ถือว่าดังมากคือ ลีซาน ในชือซองโซยอง และ นางในหัวใจแกร่งในชื่อ ซองด๊อกอิม ทั้งสองชื่อล้วนเป็นชื่อของพระสนมอึยบิน แต่ชื่อของซองโซยองมันปรากฏในบันทึก sillok (พงศาวดารโชซอน) ในการกล่างถึงการเปลี่ยนพระนามเป็นพระสนมอึยบินจากชื่อ ซงฮยอง ชื่อซองด๊อกอิมเป็นชื่อตั้งแต่ทรงพระประสูติ ในวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2296 เรามาทำคงามรู้จักกับเรื่องราวของพระสนมอึยบินพระสนมอันได้ชื่อว่าทรงเป็นที่รักของพระเจ้าจองโจกันดีกว่า
พระสนมอึยบินเป็นพระนามที่คนไทยไม่น้อยไม่ค่อยจะคุ้นเท่าใดนักแต่ถ้าเราเอยถีง ชื่อ ซองด๊อกอิมผู้เขียนเชื่อว่าแฟนซีรีย์เกาหลีต้องรู้จักเป็นแน่ แต่จากการค้นในบันทึกที่ผู้เขียนได้นำข้อความจาก sillok (พงศาวดารโชซอน) ไวัวันที่ 19 เดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ.2326 ซองโซยอง แต่ชื่อซองด๊อกอิมไม่ปรากฏในบันทึกในสมัยของพระเจ้าจองโจ
정조실록 15권, 정조 7년 2월 19일 경진 4번째기사 1783년 청 건륭(乾隆) 48년
พงศวดารโชซอน 19 กุมภาพันธ์ ปี .ศ. 2326
소용 성씨(昭容成氏)에게 의빈(宜嬪)이란 칭호를 내렸다.
ความแปลได้ว่า ซองโซฮยองได้รับพระราชทานนามเป็นพระสนมอึยบิน เรามาทำความรู้จักกับบิน หรือ พิน อันเป็นตำแหน่งพระสนมชั้น 1 ชั้นจอง เป็นตำแหน่งที่รองจากพระมเหสีถือได้ว่าเป็นตำแหน่งสูงสุดของพระสนม พระนามของพระสนมเอกนั้นจะตั้งตามบุคลิกและลักษณะของพระสนมพระองค์นั้น ในส่วนของพระสนมอึยบินแปลได้ว่าพระสนมผู้ทำให้เบิกบานและสบายใจจะสังเกตได้ว่าชื่อของพระสนมในบันทึกไม่ใช่ซองด๊อกอิมแต่เป็นซองโซยอง
พระสนมอึยบินกล่าวว่าครอบครัวค่อนข้างจะยากจนบิดานามว่า ซองยุนอูกับภรรยาคนที่สองคือ ฮูหนินอิมแห่งปูอันบิดาของพระองค์ทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านของฮงพงฮันซึ่งเป็นพระอัยกาของพระเจ้าจองโจ ความสัมพันธ์ของพระองค์กับตระกูลฮงทำให้พระองค์สามารถที่จะเข้าสู้วังหลวงกงนยอ (궁녀) คือสาวใช้ในวังหลวงเมื่ออายุ 10 ชันษา และได้รับการฝึกฝนจนได้เป็นสาวรับใช้พระนางฮเยกยองสกุลฮงแห่งพยองซานพระมารดาขององค์ชายลีซานหรือพระเข้าจองโจ
กล่าวว่าพระเจ้าจองโจครั้งดำรงตำแหน่งเป็นองค์ชายลีซานที่จะรับพระนางเป็นผู้หญิงของพระองค์แต่พระสนมอึยบินในตอนนั้นได้ทำการปฎิเสธโดยกล่าวว่าเนื่องจากเพลานั้นพระขายาขององค์ชายลีซานยังไม่ได้มีรัชทายาททำให้องค์ชายลีซานยอมรับคำขอร้องจากพระองค์ อีก 15 ปีต่อมามีการคัดเลือกพระสนมอีกครั้งเนื่องจากพระเจ้าจองโจยังไม่ทรงมีรัชทายาท กล่าวว่าพระสนมอึยบินเคยปฎิเสธพระเจ้าจองโจแต่ก็ได้รับการปฎิเสธทำให้เจ้าองค์ทรงตอบโต้ด้วยการลงโทษข้ารับใช้ของซองซังกุงแต่ไม่ช้าพระนางก็ยอมรับหัวใจของพระเจ้าจองโจ เชื่อกันว่าพระเจ้าจองโจมีใจรักเพียงพระสนมอึยบินเท่านั้นไม่เคยสนใจมองสตรีคนใด พระเจ้าจองโจถือได้ว่าเป็นกษัตริย์ที่เก่งในหลายด้านรอบรู้ด้านวรรณกรรมและศิลปะ เป็นชายผู้อ่อนไหว แต่ใจของพระองค์มอบให้พระสนมอึยบินเพียงเท่านั้น กล่าวกันว่าไม่เคยมีคำจารึกของกษัตริย์พระองค์ใดมอบให้พระสนมมาก่อน แต่พระเจ้าจองโจทรงทำและมอบสิ่งนั้นให้พระสนมอึยบิน ในข้อความเขียนไว้ว่า
จารึกของพระเจ้าจองโจถึงพระสนมอึยบิน ความทรงจำวันวาน
"아! 너의 근본이 굳세어서 갖추고 이루어 빈궁이 되었거늘 어찌하여 죽어서 삶을 마치느냐? 지금 이 상황이
참 슬프고, 애통하고, 불쌍하구나. 평상시 화목하게 지냈건만 네가 나를 떠나 죽고 말았으니 너무 애달프고 슬프다. 네가 다시 살아나서 이승으로
돌아오기를 기대한다. 이 한 가지 그리움이 닿아서 네가 굳세게 이룬다면 네가 다시 살아나서 이승으로 돌아와서 궁으로 올 것이다. 나아가
느끼면 매우 마음이 아프다. 너는 문효세자의 어머니다. 네가 임신을 해서 낳은 아이가 문효세자이며 내 후계자다. 세자는 이미 두 살 때 글을 깨우쳤다.
너의 근본이 당당해서 임신을 했는데 아이를 낳지 못하고 죽었다. 문효세자가 죽은 후 셋째가 되어 다시 우리 곁에 찾아올 줄 알았건만 하늘과 땅은
오히려 사이를 더 떨어뜨려놓았다. 이로써 마음 한가운데가 참 슬프고 애가 타며, 칼로 베는 것처럼 아프다. 사랑한다. 참으로 속이 탄다. 네가 죽고 나서
나와 헤어졌다. 나는 비로소 너의 죽음을 깨달았다. 어렵게 얻은 아들 문효세자를 하늘에 견주어 돌아오길 바랐으나 너는 멀리 떠났다. 나는 무릇
지나고 나서 깨달았다. 너를 데려올 방법이 없고, 다른 사람을 보내 물리칠 방법도 없다. 이로써 느끼니 참 슬프고 애달프다. 앞전에 겪은 일과
비교해도 비교할게 없을 만큼 슬프다. 나는 저승도 갈 수 없다. 너를 생각하면 애통하고 슬프도다. 너는 진짜 이승을 떠나는구나. 사랑하는 너는
어질고, 아는 바가 많고, 총명하고, 슬기롭고, 밝고, 이치를 훤히 알고, 옳고, 예절을 아는 사람이다. 또 권세를 능히 삼가하고 도리를 지킬
줄 알고 나눌 줄 알았다. 너는 문효세자를 잃었을 때는 예를 다하여 울었고, 쉬지도 못했고, 눈물도 그치지 못했다.
" อา ตั้งแต่การสถานปนาของเจ้านั้นสิ่งนี้มันคือ ความเข็มแข็ง ความประกอบพร้อม และ ความสมบุรณ์ แต่เหตุใดสิ่งนี้ไม่สามารถรั้งชีวิตของเจ้าได้กัน มันช่างเป็นห้วงเวลาที่แสนเศร้าและน่าสลดใจยิ่งนัก โดยทั่วไปเราอยู่ด้วยกันอย่างปรองดอง แต่เมื่อเจ้าเสียชีวิตจากข้าไป ข้ารู้สึกเศร้าและเสียใจยิ่งนัก ข้าหวังว่าจะได้เห็นเจ้ากลับมามีชีวิตในโลกใบนี้ หากความปราถนานี้มาถึงเจ้า เจ้าจะกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง กล้บมายังโลกและกลับมาสู่วังหลวง เจ้าเป็นพระมารดาขององค์รัชทายาทมุนฮโย โอรสที่เจ้าทรงครรภ์และให้กำเนิดคือองค์รัชทายาทมุนฮโยเป็นองค์โอรสของข้า เมื่อเจ้าตั้งครรภ์มันคือความมั่นคงอีกครั้ง แต่เจ้าก็ต้องจากไปโดยยังมิได้ให้กำเนิดลูกของเรา หลังจากจากไปขององค์ชาย พวกเราคิดว่าเราจะได้ลูกคนที่สาม แต่สวรรค์และโลกกลับแยกพวกเราออกจากกันมากขึ้น ด้วยเหตุนี้กล่งใจจึงเศร้าหมองกระวนกระวายเป็นอย่างมาก เจ็บเหมือยโดยมีดกรีด ความรักมันเจ็บปวดจริง ๆ ในที่สุดข้าก็ได้รู้ถึงการจากไปของเจ้า ข้าหวังว่าว่าโอรสที่เข้มแข็งของข้าองค์รัชทายาทจะกลับไปสู่สวรรค์แต่เจ้าก็จากไปไกลแล้ว ข้านึกขึ้นได้ว่าไม่มีทางที่จะพาเจ้ากลับมาได้ ไม่มีทางท่จะส่งคนอื่นมาเพื่อเอาชนะเจ้าได้ มันเศร้าและปวดใจมากที่ต้องรู้สึกเช่นนี้ มันคือความเศร้าที่ไม่มีสิ่งใดที่จะเทียบได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ข้ายังไม่ไปยมโลก เมื่อข้าคิดถึงเจ้า ข้าคร่ำควรญและเศร้าใจ เจ้ากำลังจากโลกนี้ไปจริง ๆ ที่รัก เจ้าเป็นคนใจดี เฉลียงฉลาด มีความรู้รอบด้าน ทั้งซื่อตรงและมีกริยามารยาทื่งดงาม อีกทั้งยังรู้จักละเว้นอำนาจหน้าที่ รู้จักแบ่งปัน เมื่อเจ้าสูญเสียองค์รัชทายาทมุนฮโยไป เจ้าร้องไห้อย่างมากมายจนไม่สามารถที่จะหยุดได้ ข้ากังวลในความทุกข์ของการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทมุนฮโย ข้ากังวลลูกในท้องของเจ้า เจ้าต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรง ตอนนี้ข้าได้สั่งให้ยุติสิ่งสำคัญทั้งหมดและดูแลงานศพของเจ้า พักผ่อนอย่างสงบเช่นเดียวกับองค์รัชทายาทมุนฮโย เราจะให้พระโอรสของเจ้าและมารดาของเขาได้อยู่ด้วยกันทางซ้าย และทางขวาไม่ให้ไกลจากหลุมศพของพระโอรสของเจ้า "
사랑하는 아내(빈)를 저 세상으로 보내고 애통해하는 마음이 너무나 간절하다
ข้าขอไว้อาลัยอย่างสุดซึ่งต่อภรรยาสุดที่รัก (พระสนมเอก) ไปสู่สุขคติ
อ้างอิงจาก (위키백과 의빈성씨 '어제비문' 참고) คำจารึกเมื่อวันวานเพื่อพระสนมอึยบิน
นี้คือถ้อยคำปรากฏคำจารึกของพระเจ้าจองโจที่มีต่อพระสนมอึยบินยิ่งทำให้เรารู้ได้ทันทีว่าพระสนมจะต้องเป็นสตรีที่สำคัญต่อพระเจ้าจองโจไม่น้อย มีการเล่าว่าทั้งสองพระองค์ต่างรู้จักกันมาตั้งแต่ในวัยเด็กอาจจะเพราะพระสนมเติบโตได้บ้านของพระญาติของพระเจ้าจองโจ
กล่าวว่าเดิมที่สุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ในสวน ฮโยจัง แต่ในปี พ.ศ.2487 แต่ญี่ปุ่นได้ทำการบังคับให้มีการย้ายไปยังตำแหน่งที่ปรากฏในปัจจุบันนี้แต่นั้นเป็นผลทำให้ขนาดและรูปร่งดั้งเดิมที่เคยสร้างไว้เสียหายเป็นอย่างมาก ว่ากันว่าพระเจ้าจองโจทรงเตรียมหลุงผังพระศพของพระสนมอึยบินเคียงข้ากับพระโอรสของพระนาง ความขัดแย้งในเรื่องของพระยศที่ต่ำกว่าของพระมารดาต่อพระโอรสเป็นเรื่องที่น่าเศร้ายิ่งนักแต่พระเจ้าจองโจไม่ได้สนใจในสิ่งนี้ทรงทำลายความเชื่อนี้ไปและนำพระสนมอึยบินฝังพระศพเคียงคู่ลูกของพระนาง และ ทรงมาเยี่ยมหลุมพระศพบ่อยครั้ง
หลุมพระศพของพระสนมหลายพระองค์ในโชซอนประมาณ 22 หลุม และพระสนมอึยบินก็ถูกย้ายจากฮโยชังที่เคยฝังเคียงข้างองค์รัชทายาทมุนฮโยมาที่แห่งนี้ในช่วงที่ญี่ปุ่นควบคุมเกาหลีไว้
หลุมศพของพระสนมกว่า 22 หลุมแต่ละหลุมจะมีป้ายชื่ออยู่ด้านหน้า
ความรักของพระเจ้าจองโจต่อพระสนมอึยบินเป็นสิ่งที่สัมผัสได้อย่างแท้จริงพระองค์ทรงทำทุกอย่างเพียงเพื่อได้ครองคู่กับพระสนมอึยบิน พระสนมอึยบินทรงรู้พระองค์ตลอดว่าสิ่งใดที่ทรงทำได้และพยายามที่จะหยุดความคิดในการเป็นพระสนมของพระเจ้าจองโจแม้จะพระเจ้าจองโจทรงขอร้องถึงสองครั้งแต่ความสัมพันธ์ของพระสนมอึยบินกับพระมเหสีฮโยอึนถือได้ว่าเป็นได้ด้วยดี และ พระโอรสของพระสนมก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากพระมเหสี การสูญเสียพระสนมอึยบินทำให้พระมเหสีทรงเสียพระทัยไม่น้อยเปรียบได้กับการสูญเสียมิตรที่ดีที่มีหาได้ยาก สาเตุการณ์สวรรคตของพระองค์เชื่อกันว่าพระองค์อาจะทรงประชวรด้วยโรคมะเร็ง หรือ ภาวะครรภ์เป็นพิษไม่ได้มีการวางยาแต่อย่างใด กล่าวว่าช่วงที่พระสนมประชวรพระเจ้าจองโจทรงดูแลพระนางด้วยพระองค์เองแม้แต่เรื่องยาจึงยากที่จะมากจากการถูกสังหารด้วยยาพิษ
ดั่งที่กล่าวแต่แรกว่าทั้งพระเจ้าจองโจและพระสนมอึยบินอาจจะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กยามนั้นพระเจ้าจองโจหรือองค์ชายลีซานอายุได้ 11 ชันษา ทรงอยู่ในความเสียพระทัยจากการสูญเสียพระราชบิดานั้นคือองค์รัชทายาทซาโด พระองค์ได้พบกับเด็กผู้หญิงแสนสวยคนหนึ่ง ความผูกผันทำให้พระองค์ทรงถึงขนาดสัญญาว่าจะไม่มอบใจให้สตรีผู้ไหน ทั้งสองสนิทกันดั่งเพื่อนวัยเด็ก ดั่งที่กล่าวพระเจ้าจองโจทรงเสด็จเยือนหลุมศพของพระสนมอึยบินและองค์รัชทายาทมุนฮโยบ่อยครั้งจนมีการนำมาเขียนเป็นเส้นทางถึงขบวนเสด็จเส้นนี้ไว้ เป็นที่รู้กันว่าการที่พระมหากษัตริย์จะเขียนจารึกถึงพระสนมคนหนึ่งด้วยพระองค์เองแสดงให้เห็นได้ว่าพระองค์ทรงรักพระสนมซองอึยบินเป็นอย่างมาก
ในส่วนขององค์รัชทายาทมุนฮโยปรากฎในพงศาวดารโชซอน (Sillok) บันทึกการประสูติขององค์รัชทายาทมุนฮโย ใันวันที่ 7 กันยายน ปี พ.ศ.2325
문효 세자의 탄생을 기뻐하다
왕자(王子)169) 가 탄생하였다. 임금이 승지와 각신(閣臣)들을 불러 보고 하교하기를,
"궁인(宮人) 성씨(成氏)가 태중(胎中)이더니 오늘 새벽에 분만하였다. 종실이 이제부터 번창하게 되었다. 내 한 사람의 다행일 뿐만 아니라, 머지않아 이 나라의 경사가 계속 이어지리라는 것을 확실히 알 수 있으므로 더욱더 기대가 커진다. ‘후궁은 임신을 한 뒤에 관작을 봉하라.’는 수교(受敎)가 이미 있었으니, 성씨를 소용(昭容)170) 으로 삼는다องค์ชายประสูติ พระราชาทรงเรียกราชเลขา และ เจ้าหน้าที่เข้าเฝ้าและออกจากวังหลวงไป.
" ซังกุงซอให้กำเนิดบุตรในตอนเช้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปองค์รัชทายาทผู้สืบทอดพระบรมวงศานุวงศ์กลับสู่ความเจริญรุ่งเรื่อง ไมีเพียงแต่จะเป็นโชคดีสำหรับข้าเพียงผู้เดียวในไม่ช้าความสุขของประเทศจำดำเนินต่อไป เนื่องจากความโชคดีในอนาคตอันใกล้ของประเทศ ความสำเร็จจะดำรงต่อไปยังคงดำเนินต่อไปยิ่งทำได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ความคาดหวังสูงมากขึ้น " ฝ่ายในปิดประกาศการตั้งครรภ์ความคาดหวังทางการทูตทางการทูต พระสนมได้รับการเลื่อนพระยศหลังการตั้งครรภ์ ซอซังกุงได้รับการแต่งงตั้งเป็นโซยัง (ตำแหน่งพระสนมชั้นสาม ชั้นจอง " พระพระสนมผู้มีกริยางามสง่า" พระสนมอึยบินได้รับก่อนจะเลื่อนเป็นพระสนมชั้นเอก
하니, 신하들이 경사를 기뻐하는 마음을 아뢰었다. 임금이 이르기를,
ข้าราชบริพายต่างบินดีในเรื่องนี้เมื่อพระราชาเสด็จมา
"비로소 아비라는 호칭를 듣게 되었으니, 이것이 다행스럽다."
" ท้ายที่สุดข้าได้ยินพระนามของพ่อ มันช่างโชคดีจริง ๆ "
......
นี้คือคำกล่าวของข้าราชบริพาลในการประสูติขององค์ชายมุนฮโย
"하늘에 계신 조종께서 우리 나라를 돌보시어서 남아가 태어난 경사가 있었습니다. 더구나 이 달은 우리 선대왕께서 탄생하신 달이고 우리 전하께서 탄생하신 달인데다가 왕자께서 또 이 달에 탄생하셨으니, 경사에 대한 기쁜 마음을 금할 수 없습니다. 대신이 뜨락에서 문안을 올리려고 합니다."
" โอกาสที่องค์ชายผู้ถือกำเนิดจากสรวงสวรรค์จะดูแลประเทศของเรา อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือนนี้เป็นเดือนที่ให้กำเนิดรัชทายาทของเรา เป็นเดือนเกิดของข้าอดไม่ได้ที่จะมีความสุขและยินดีต่อสิ่งนี้ ฉันกำลังจะจารึกด้วยความสิ่งนี้ด้วยความเคารพ "
ภาพเขียนแสดงพิธีการสถาปนาองค์รัชทายาทมุนฮโย
ภาพจากละครเรื่อง ลีซาน องค์ชายมุนฮโยและพระสนมอึยบิน
และยังปรากฏจารึกการฝังพระศพขององค์รัชทายาทมุนฮโยที่ ฮโยชัง
20 มิถุนายน 2329
정조실록 21권, 정조 10년 6월 20일 임진 3번째기사 1786년 청 건륭(乾隆) 51년
문효 세자의 묘호를 문희로, 묘를 효창이라고 정하다
문효 세자 묘호(廟號)와 묘호(墓號)를 의논하여 정하였다. 도감에서 아뢰기를,
.........
ประกาศชื่อหลุ่มพระศพองค์รัชทายาทเป็นมุนฮี ณ วัดมโยโฮ และหลุมศพขององค์รัชทายาทเป็นอโยชัง
องค์รัชทายาทมุนฮโย วัดมโยโฮถูกพิจารณาและตัดสินใจ การแจ้งในสารานุกรม
..........
สถานที่ฝังพระศพขององค์ชายมุนฮโยสุสานขององค์รัชทายาทมุนฮโยนั้นมีการตกแต่งสุสานด้วยรูปปั้นหินเพื่อให้เหมือนกับพระราชวังที่พวกพระองค์ได้เคยอาศัยอยู่แต่ขององค์รัชทายาทนั้นจะไม่ปรากฏเนินถูกปิดล้อมด้วยราวหิน นอกจากนี้มีสัตว์ต่าง ๆ ล้อมรอบเนินดินไว้
นี้คือเรื่องที่มีการบันทึกในพงศาวดารผู้เขียนค้นส่วนมากจะเป็นเรื่องราวของการงานพระศพขององค์รัชทายาทมุนฮโยที่พระเจ้าจองโจทรงจัดให้พระโอรสของพระองค์ด้วยความเศร้าเสียพระทัยอันแสดงถึงความรักที่พระองค์มีให้แก่พระโอรสของพระองค์รวมถึงการจัดพิธีรำลึกถึงพระโอรสของพระองค์ด้วย
สิ่งหนึ่งที่เราไม่พูดถึงไม่ได้คือความสามารถอย่างหนึ่งของพระสนมอึยบินลายมือที่สวยงามของพระสนม หากเราได้ดูเรื่อง The Red Sleeve เรื่องนี้มีคนได้ทำงานเขียน Blog ที่น่าสนใจ กล่าวว่าพระสนมอึยบินถอดความนวนิยายคลาส สิก Gwakjangyangmunrok เชื่อว่าเขียนโดยพระสนมอึยบินถือได้ว่าเป็นต้นฉบับเก่าแก่ โดยรวมกับ องค์หญิงชอนกยอนพระขนิษฐาของพระเจ้าจองโจ สตรีในราชสำนัก ยอนฮี , คยอนฮี, โบคยอน และ พระสนมอึยบิน จำนวน 10 เล่ม ปัจจุบัน หนังสือคัดลอกถอดความนี้อยู่ที่ Gongpyeong City Relics Exhibition Center
นี้คือเรื่องราวของซอซัมรึงสถานที่ฝังพระศพของพระสนมอึยบินสนมเอกผู้เป็นที่รักยิ่งของพระเจ้าจองโจและโอรสของพระนางคือองค์รัชทายาทมุนฮโยแม้ว่าความตั้งใจของพระเจ้าจองโจจะถูกเปลี่ยนไปเนื่องจากการตั้งพระทัยที่จะให้พระสนมอียบินฝังพระศพเคียงข้างบุตรชายที่พระนางรักเนื่องจากการรุกรานของญี่ปุ่นแต่ก็ไม่ทำให้สถานที่ฝังพระศพแห่งนี้สิ้นมนต์แห่งความรักที่ทั้งสามพระองค์มีต่อกันได้แม้พระเจ้าจองโจจะไม่ได้ถูกฝังพระศพที่แห่งนี้แต่สถานที่แห่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นสถานที่ ๆ พระองค์ทรงได้มองเห็นคนที่พระองค์รักทั้งสองพระองค์
สำหรับการเดินทางมาที่ ซอซัมรึงนั้นไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเนื่องจากสุสานแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวถนนกว่า 2 กิโลหากใครต้องการจะมาตามรอยสุสานแห่งนี้ก็นั่งรถไฟฟ้าสาย 3 มาลงที่ Woheung จากนั้นก็นั่งแท๊กซี่ไปที่สุสานได้ไม่ไกลนักแต่แนะนำว่าหากจะกลับควรให้เจ้าหน้าที่แห่งนั้นช่วยเหลือเราในการเรียกรถแท๊กซี่ อีกอย่างคือ สุสานที่ซอซัมรึงนั้นไม่ได้เปิดให้เข้าชมทั้งหมดบางส่วนไม่ได้ให้เข้าชมจะต้องทำการขออนุญาตก่อนรวมทั้งสถานที่ฝังพระศพของพระสนมอึยบินด้วยเนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลจะต้องทำการแจ้งขอนุญาตก่อนถึงจะสามารถเข้าชมได้แต่ในส่วนขององค์รัชทายาทมุนโฮยนั้นสามารถเข้าชมได้เลยโดยเสียค่าเข้าชม 1000 วอนนะค่ะ
Reference
1.The Tragic Story of Seong Deok-Im: Royal Noble Consort Uibin Seong to King Jeongjo | My Korean Scribbles
2.Joseon's Tragic Love Story: King Jeongjo and the Court Maid | KoreabyMe
3.Sillok
4.서삼릉 의빈 성씨의 묘비를 찾아서 -정조의 사부곡(思婦曲) - < 정우열의 <여안당 일기> < 생각과 마음 나누기 < 이야기사랑방 < 기사본문 - 한겨레:온 (hanion.co.kr)
5.의빈, 정조를 사로잡은 여인 (brunch.co.kr)
4.Korean Tourism Organization