วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2562

เรื่องเล่าของคุก ซอแดมุน ดินแดนแห่งการต่อสู้เพื่ออิสภาพของชาวเกาหลี (Seodaemun Prison History Museum (서대문형무소역사관)

เมื่อฉันได้ไปเยือนเกาหลี พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน ถือได้ว่าเป็นสถานที่บอกเล่าเรืองราวที่แสนเจ็บปวดและขมขื่นของชาวเกาหลีได้เป็นอย่างดีอีกที่หนึ่งเลยที่เดียวอันเป็นช่วงเวลาที่เกาหลีต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของเญี่ปุ่น เมื่อก่อนหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเกาหลี และ ประเทศญี่ปุ่น ทำไมพวกเขาถึงได้ยังคงมีความครุกกรุ่นทางอารมณ์และมีความขัดแย้งกันตลอดเวลาหากมีการพาดพิงถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานี้ ดังนั้นการไปเกาหลีจะทำให้คุณได้คำตอบหลายอย่างว่าทำไมทุกวันนี้เกาหลีถึงได้มีปัญหากับญี่ปุ่นมาตลอดจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศก็ยังมีปัญหาอยู่ มันมาจากร่องรอยของบาดแผลที่ญี่ปุ่นในสมัยอดีตได้สร้างและทิ้งไว้กับชาวเกาหลีดังนั้นเรื่องบางอย่างบางครั้งมันก็ยากสำหรับมนุษย์ที่จะลืม

บรรยากาศด้านนอกของ ซอแดมุน

อาคารแบ่งออกเป็นหลายส่วนทีทำการจัดแสดงห้องทางประวัติศาสตร์คุก ซอแเดนมุน

หอประวัติศาสตร์ซอแดมุน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ที่ Seodaemun Independence Park สร้างขึ้นมาช่วงเวลาที่ใกล้สิ้นสุดลงของราชวงศ์โชซอน ในปี พ.ศ.2453 สถานที่แห่งนี้เป็นที่ทหารญี่ปุ่นในช่วงที่เข้ามาปกครองเกาหลีใช้ในการทรมาน และ ปฎิบัติตการติดตามขบวนการอิสรภาพของเกาหลี โดยการนำนักโทษเหล่านี้มาจองจำที่แห่งนี้  หอประวัติศาสตร์ซอแดมุนถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงนักโทษซอแดมุน และ เพื่อแสดงความยินดีต่อการรักชาติชาวเกาหลีเกาหลี
 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เรือนจำซอแดมุน แบ่งการจัดห้องขังออกเป็น 7 ห้องเพื่อจัดแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ ปรากฏห้องประหาร หอสังเกตการณ์ และ ห้องขังชั้นใต้ดิน
ในอดีต ซอแดมุน รู้จักกันในฐานะเรือนจำ Gyeongseong  สถานนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการปราบปรามผู้รักชาติเกาหลีที่ต่อสู้เพื่อฟื้นอำนาจอธิปไตยของชาติตัวเองโดยเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยเกาหลีจากการปกครองของญี่ปุ่น  สถานที่แห่งนี้มันเป็นการอาคารทางประวัติศาสตร์ บอกเล่าเรื่องราวของการยึดครองของญี่ปุ่น และ  การรวมตัวเพื่อการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในช่วงระบอบเผด็จการ สถานที่แห่งนี้มีนักโทษที่ถุกขังคุก ซึ่งได้รับความเจ็บปวดจากการทรมานจนกระทั่งการเสียชีวิต
Gyeongseong ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อเป็น Seodaemun Gamok ในปี พ.ศ.2455  และ Seodaemun Hyeingmuson ในพ.ศ.2466 สถานที่แห่งนี้แสดงให้เห็นถึงความทรวงจำอันเจ็บปวดของผู้ที่ถุกคุมขังมีการขยายใหัมีขนาดใหญ่ขึ้น 30 เท่า  ในปี พ.ศ.2473 เนื่องจากกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่ออิสรภาพของชาวเกาหลีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เรือนจำซอแดมุนแต่เดิมเริ่มต้นด้วยความจุ 500 คน ในการก่อสร้างครั้งแรก แต่นักสู้อิสรภาพชาวเกาหลีที่ถูกควบคุมขังที่นี้มีจำนวนมีถึงกว่า 3,000 คน พวกเขาถูกคุมขังระหว่างที่ดำเนินการต่อสู้เพื่อเอกราชและมีจำนวนเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ นอกจากนั้นักสู้เพื่ออิสรภาพบางรายก็ถูกประหารชีวิต หรือ ได้รับการปฏิบัติอย่างโหดร้ายจากญี่ปุ่นเมื่อพสกเขาถูกคุมขังในเรือนจำจนกระทั่งได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระในปี พ.ศ. 2488 ช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นปกครองเกาหลีพวกเขาได้ก่อตั้งเรือนจำ 16 แห่งทั้วเกาหลีในเพื่อใช้ในการคุมขังคนที่ต่อต้านญี่ปุ่น

เมื่อผู้เขียนไปที่ ซอแดมุน ได้พบเรื่องราวที่แสนจะในใจ ภาพขนาดใหญาของ เด็กสาวคนหนึ่ง นาม ยุกวานซัน เธอ เป็นเด็กสาวที่่เกิดในปี พ.ศ.2447 ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางใต้ Ch'ungch'ong  ถูกแขวนอยู่ในห้องโถงจัดแสดง ไม่ค่อยมีใครจะรู้เรื่องราวของเธอในวัยเด็ก เธอถูกส่งไปยังมหาวิทยาลัยหญิง Ewha Women  ในกรุงโซลตามคำแนะนำโดยหนึ่งในครสอนของเธอคือ Alice Sharp  ชารป์เป็นมิสชั่นนารีตะวันตกและมองเห็นศักยภาพตัวของเธอ พ่อของเธอยิ่งยอมให้โอกาสนี้และส่งเธอไปโรงเรียนในปี  พ.ศ. 2459 ยูกวานซัน เป็นเด็กที่เรียนได้ดี ในสาขาการศึกษา และ บัญชีรวมสมัย

ภาพของ ยุกวานซัน

ปี พ.ศ.2462 เป็นปีที่เกิดความวุ่นวายในเกาหลี เมื่อวันที่ 22 มกราคม พระเจ้า โคจง ผู้สละบัลลังก์ของเขาในปี พ.ศ.2450  เมื่อญี่ปุ่นเข้ามาในเกาหลี แม้พระองค์จะทรงสละราชสมบัติ แต่ก็เกิดปัญญาหาขัดแย้งมากมาย  ยูกวานซัน เพื่อนนักเรียน และ ครู จากมหาวิทยาลัย Ewha ได้เข้ารวมประท้วงในเจดีย์พารค์ใจกลางกรุงโซล ทางการได้ทำการสลายการชุมจนุม ผู้ประท้วงถูกจับคุม และ ปิดชั่วคราวตามคำสั่งของผู้บัญชาการ  ยูกวานซัน   เดินทางกลับไปที่บ้านเกิดของเธอ แต่เธอก็ยังมีคงยึดมั่นในอุดมการณ์ เธอทำอะไรหลายอย่างอันเป็นการสนับสนุนกลุ่มประท้วง เมื่อฉันได้เข้าเดินที่ ซอแดมุน จะได้ยินคำว่า แมนเซ ที่เปิดประกอบกับการจัดแสดงนิทรรศการ ทำให้ภาพและเรื่องเล่าของเธอมีความหมายอย่างลึกซื้งของเด็กสาวคนหนึ่งที่พยายามต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวเกาหลี กล่าววว่า "อิสรภาพของเกาหลีทีมีชีวิตยืนยาว จับมือกันร้องไห้ "
ช่วงเวลานั้นเกิดการจารจลขึ้นพ่อและแม่ของเธอถูกสังหารพร้อมกับผู้ประท้วงหลายคน ยูกวานซัน ถูกจับกุมและ นำตัวไปยังศุนย์กักกันโดยตำรวจทหารญี่ปุ่น  เธอถูกตัดสินไม่หนักมากเนืองจากเธอเป็นเด็ก แต่เธอก็ปฎิเสธสิ่งนั้น การต่อต้านของเธอทำให้เธอถูกทรมานเ ยูกวานซัน ถูกย้ายไปสถานที่ตำรวจ คงจู  ต่อมาเมื่อเธอเข้ารับพิจารณาคดีตัวเธอเองได้ทำการประท้วงถึงความไม่ยุติธรรมในสิ่งนี้ต่อญี่ปุ่น เธอกล่าวว่า " ประเทศของคุณบุกรุกเข้ามาประเทศของึนอื่น คุณไม่มีสิทธิ์ตัดสินความผิดของเรา"  เธอถูกตัดสินลงโทษโดยต้องจำคุก 5 ปี ในเรือนจำ ซฮแเดมุนแห่งนี้

ยูกวานซัน  จบชีวิตลง ความรุนแรงบันทึกว่า ในปี พ.ศ. 2554 มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากการประท้วงหลังจากจับกุมถึง 7,000 คน และ ยูกวานซัน ถูกทรมานอย่างทารุณและ ทุบตีด้วยมือของญี่ปุ่น เธอเสียชีวิตลงในปี พ.ศ.2463 ด้วยวัย 16 ปี เดิมที่เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นในเรือนจำ ซอแดมุน ปฏิเสธการปล่อยศพของเธอ  และถูกชาติตะวันตกบีบจนต้องยอม  ทางมหาวิทยาลัย Ewha นำศพของเธอไปที่มหาวิทยาลัย เธอได้รับการยกย่องอย่างวีรสตรี ญี่ปุ่นอนุญาตให้นำศพไปที่ไปทำพิธีในโบสถ์เงียบ มีเพียงเพื่อนรวมชั้นเรียนของเธอเท่านั้นในพิธี
หลุ่มศพของเธอ อยู่ในสุสาน อีแทวอน ซึ่งถูกทำลายในภายหลัง รูปปั้นของเธอปรากฏในมหาวิทยาลัยและ โรงเรียนหลายแห่ง มีตำนานกล่าวถึงเธอเช่นกันว่า เธอจะเเดินรอบๆ แล้วกรีดร้อง Long live korean independence  และ ถ้าคุณเอยชื่อของเธอมนรูปปั้นใดรูปปั้นหนึ่ง ศรีษะของเธอจะหันมาและ เธอจะมองเข้าไปในแววตาของคุณ
หลังจากบูรณะเรือนจำ ซอแดมุน การได้มาซึ่งเอกราชของชาติถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ของขบวนการประชาธิปไตยในเกาหลีจนกระทั่งถูกย้ายไปยังพื้นที่อื่น สถานที่แห่งนี้เป็นที่ฝังลมหายใจสุดท้ายของนักสู้เพื่ออิสรภาพของเกาหลีต่อญี่ปุ่นอย่างแท้จริงการอดทนแม้จะเจ็บปวดทางกาย และ ใจ
ภายใน ซอแดมุนจะมีการจำลองเหตุการณ์การใช้ชีวิตของผู้ถุกคุมขัง การลงโทษ การทรมาน เสียงตะโกน แมนเซ ดังรอบ ๆ พื้นที่ที่จัดแสดง พื้นที่แบ่งออกเป็นหลายตึก มีแการจัดแสดงนิทรรศการตัวอาคารเป็นสองชั้นหลายตึก  ชั้นสองเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ ประกอบด้วยห้องหลายห้องด้วยกัน ห้องประวัติศาสตร์เรือนจำ ซอแดมุน มีการพยายามที่จะฟื้นฟูและอนุรักษ์โบราณสถานโดยกระบวนการทางวัฒนธรรมที่เป็นตัวอย่างสำหรับการเข้าร่วมดังกล่าวอาคารผู้ดุแลระบบอาคาร และ การบูรณะอาคารต่างๆ

ความเจ็บปวด
บรรยากาศของอาคารภายในซอแดมุน มีการจัดแสดงเห็นการจำลอง มีการแบ่งออกเป็นห้อง ๆ แสดงให้เห็นการทรมานนักโทษ ผู้ประท้วงและ กลุ่มผู้ต้องสงสัย การสอบสวนผู้ต้องสงสัยนั้นจะมีการจำลองเป็นหุ่นของคนที่แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดทางร้ายการและจิตใจผ่านการทรมานร่ายกานด้วยวิธีต่างๆ  เช่น การเย็บมือด้วยสิ่งที่ลักษณะคล้ายเข็ม และ แหลมคม เอาของแหลมคมไว้ใต้เล็บของนักโทษ
ชุดของนักโทษที่ใส่มีลักษณะคลาสสิกเป็นชุดเครื่องแบบสีน้ำเงืนสำหรับเรือนจำที่ยังไม่มีการตัดสิน และ ชุดเครื่องแบบสีแดงสำหรับนักโทษที่ถูกตัดสินแล้ว ขณะที่นักโทษที่ป่วยจะสวมชุดนักโทษสีขาว นักโทษจะสวมเครื่องแบบที่ทำจากผ้าฝ้ายในฤดูหนาว เครื่องแบบของผู้ต้องขังถูกผลิตในโรงงาน
จากเรือนจำ ซองแดมุน และ แจกจ่ายไปยังเรือนจำอื่นๆ ทั่วประเทศ
จำลอง การสอบสวนนักโทษในซอแดมุน

ชีวิตของนักโทษภายในห้องขัง

ห้องสอบสวนนักโทษ

ห้องพิจารณาโทษ


สภาพของห้องขัง ที่มีการจัดแสดงนิทรรศการ

เมื่อเราได้เข้ามายัง ซอแดมุน เราจะได้พบถึงความเป็นนักสู้ของชาวเกาหลีที่มีต่อผู้รุกรานของเขาในตอนนั้นคือ ญี่ปุ่น พวกเขาเคลื่อนไหวและต่อสู้อย่างแข็งขัน ตั้งแต่ปี พ.ศ.2453-2488 การต่อสู้อย่างหนักได้รับการสืบทอดโดยนักสู้อิสรภาพต่อการรุกรานของญี่ปุ่นโดยพื้นหลังที่ส่งผ่านทั้งอุดมการณ์และ แรงจูงใจ เกาหลีเปิดตัวเคลื่อนไหวทั้งในและต่างประเทศ ปี พ.ศ.2462  ขบวนของการเพื่อเอกราชครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม  โดยเกิดขึ้นชาวเกาหลีทั้งหมดเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้เพื่อความเป็นต่อสู้เพื่ออิสรภาพของพวกเขาซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวด้านมนุษยธรรมทต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิในแง่ประวัติศาสตร์โลก
การเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่ออิสรภาพ
จำนวนของนักเคลื่อนไหวเพื่อเสรีภาพของชาวเกาหลีมีที่ประท้วงปรากฏทั่วประเทศเกาหลีถูกจำคุก และ ถูกทรมานอยู่ที่เรือนจำซอแดนมุน มีจำนวน 3,000 คน ทำให้ญี่ปุ่นต้องขยายขนาดของคุก
 ขบวนของการสู้เพื่อเอกราชครั้งที่ 1เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมนั้นเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเอกราชทั่วเพื่อต่อต้านญี่ปุ่น เกาหลีประกาศอิสรภาพและเสรีภาพของเกาหลีเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2462 ขบวนการนี้สร้างขึ้นมีจุดเริ่มต้นที่โซล และ แพร่กระจายไปทั้วประเทศ มันเป็นขบวนการที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นเหตุเป็นผลของความเป็นอิสระแล อิสรภาพของเกาหลี สิ่งเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของชาวเกาหลีทีมีต่อเอกราชที่ไต่ระดับที่ยิ่งใหญ่ของการต่อสู้
ในวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2463 สมาชิกทั้งหมด 6 คน ของ  Cheolhyeol- geangbokdan พวกเขาได้ทำการปล้นเพื่อเอาเงินสดของญี่ปุ่นที่กำลังขนส่งเงินสดจากจากสาขา Hoeryeong ของโชซอน ไปยังสาขา Yongjeong พวกเขาสามารถยึดเงินได้ 150,000 วอน และใช้เงินนั้นเป็นกองทุนของทหารในการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวเกาหลี
ต่อมา เมษายน พ.ศ.2472  หน่วยงานหนึ่งของ Gongmyeong-dam ประกอบด้วย ชอยยังอก (Choe Yang ok) , คิมจองรยูน (Kim Jeong Ryeon) และ อีวันจู (Lee sun Jun) ได้โจมตียานพาหนะเคลื่อนย้ายจดหมายที่เคลื่อนย้ายไปยัง Chumcheon จากโซล และ ขโมยเงินของพวกขา นับเป็นอีกครั้งที่พวกเขาทำสิ่งนี้เพื่อหาทุนต่อต้านญี่ปุ่น

บรรยากาศรอบนอกของคุก


สถานที่ลงโทษนักโทษด้วยการแขวนคอ

ห้องพิจรณาคดึ และ การแขวนคอโชว์


หลังจาก 36 ปีแห่งความยากลำบากของเกาหลีก็ได้รับการปลดปล่อยในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ชาวเกาหลีเข้ามามีอำนาจและเขายึดครองรัฐบาล เรือนจำ ซฮแดมุน เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิสรภาพกว่า 80 ปี ประวัติศาสตร์ของคุกซอแดมุนสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเสรีภาพและสันติภาพ
การเดินทาง
สำหรับการเดินทางนั้นไปไม่ยาก
นั่งรถไฟฟ้าสาย 3 ออกทางออกที่ 5
CR.https://english.visitkorea.or.kr/enu/ATR/SI_EN_3_1_1_1.jsp?cid=268143

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น