
ขั้นแรกเริ่มจาก ความหมายของคำว่า ฮวารัง ฮวารัง เป็นการผสมผสานของคำว่า ฮวา แปลว่า ดอกไม้ รัง แปลว่า ผู้ชาย ดังนั้นคำว่า ฮวารัง จึงแปลว่า หนุ่มดอกไม้ ฮวารัง นั้นมีคำเรียกที่น่าทึ่งว่า อัศวินแห่งดอกไม้ดูไปก็คล้ายๆ กับอัศวินโต๊ะกลมในสมัยพระเจ้าอาร์เธอร์ เลยที่เดียว
จุดเริ่มต้นของ ฮวารัง
การเริ่มต้นของฮวารัง เกิดขึ้นในสมัยของพระเจ้าจินฮึงแห่งชิลลา (ค.ศ.540-576) ใน ค.ศ.6 แต่พวกเขาไม่ได้เรียกตัวเองว่า ฮวารัง ในตอนแรกมันถูกเรียกว่า วอนฮวา ซึ่งแปลว่าดอกไม้ดั้งเดิม ในเริ่มแรกประกอบไปด้วยทั้ง ผู้หญิง และ ผู้ชาย แต่ผู้นำที่เป็นสตรี นำมาซึ่งปัญหาการยกเลิกนำสตรีเข้ารวมองค์กร เรื่องเล่ากล่าวว่า จองซุง และ นัมโม สตรีผู้นำของ วอนฮวา ได้เกิดโศกนาถกรรมในสมัยของพระเจ้าจินฮึง อันมาจากความริษยา ซึ่งเกิดการวางแผนฆาตกรรมของสตรีผู้นำสองคนแห่งวอนฮวา เล่ากันว่า จองซุงวางแผนฆ่า นัมโม ผู้นำ วอนฮวาในเวลานั้นเกิดความริษยากันด้วย เกิดการวางแผนวางยาพิษ สุดท้ายวอนฮวา ก็ต้องจบสิ้นลง โดยพระเจ้าจินฮึงสั่งยกเลิกการวอนฮวา และ ห้ามสตรีเข้ารวมการองค์กรนี้ตั้งแต่นั้นมา ต่อมามีการสสร้างองค์กร ฮวารังขึ้นแทนวอนฮวา แต่มีกฏห้ามสตรีเข้ารวม
เรื่องราวของ วอนฮวา ปรากฏในบันทึกของ ซัมกุก ซากี และ ซัมกุก ยุซา เล่าถึงเหตุการณ์โศกนาฎกรรมการถูกยกเลิกวอนฮวาไปแล้วเปลี่ยนเป็นฮวารัง แต่อนุญาตให้เฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่จะเข้ามาภายในองค์กรนี้
การคัดเลือกเด็กหนุ่มเพื่อก้าวเข้าสู่องค์กรอวารัง
ความที่ฮวารัง ถือ ได้ว่าเป็นองค์กรที่มีสำคัญต่อชิลลาเป็นอย่างมาก ทั้งยังมีบทบาททางสังคม และ ชัยชนะสำคัญของชิลลา บุคคลที่จะเข้าสู่ฮวารังล้วนเป็นเด็กหนุ่มหัวกระทื ที่เกิดในชนชั้นกระดูกแท้ของชิลลลาทั้งสิ้น พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับการศีกษาในด้านต่างๆ ทั้งศิลปะ และ วัฒณธรรมที่มีความหลากหลาย เพื่อพัฒนาสู่การเป็นองค์กรสนับสนุนทางทหารในราชสำนักชิลลา และ ก้าวขึ้นมาเป็นบคคลสำคัญทางการเมืองของชิลลา
การศึกษา และ หน้่าที่ของฮวารัง
ฮวารัง เป็น องค์กรที่สร้างขึ้นมาเพื่อความมั่นคงของชิลลา บทบาทของพวกเขาในสังคมชิลลา มีหลายด้าน จนขั้นตอนสุดท้ายคือการทำงานให้กองทัพชิลลา เมื่อฮวารังมาจากชนชั้นกระดูกแท้ของชิลลา พวกเขาจึงต้องได้รับการศึกษาศิลปะทางทหาร ควบคู่ไปกับคุณธรรม รักธธรรมชาติ พวกเขาถูกฝึกเพื่อทำหน้าที่หลายอย่างในสังคมชิลลา พวกเขาต้องเข้ามาทำหน้าที่ทั้งทหารและ ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองชิลลา
โครงสร้างทางกองทัพของชิลลานั้นฮวารังไม่ได้เป็นองค์กรทางทหารที่แท้จืง มีการจัดตั้งหน่วยงานทางการทหารเช่นกัน ที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ในเขตอำนาจของราชสำนัก เพื่อรับคำสั่งนายพลที่มีสถานะของกระดูกแท้ ดังนั้นไม่แปลที่ฮวารังก็มาจากกลุ่มชนชั้นสูงจากเมืองหลวง มีระบบศักดินา คำสาบาน และ ตราประจำตระกูล แต่ฮวารังไม่ใช่กลุ่มที่รวมกับกองทัพทำหน้าที่คล้ายกองหนุนมากกว่า ชิลลานำเยาวชนหัวกระทิเข้ามาเพื่อเสริมสร้างด้านความมั่นคงทั้งทางเมืองและ ทหาร แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนที่จะสนับสนุนข้ออ้างที่ว่า ฮวารังเป็นองค์กรทางทหาร พวกเขาเปรียบเหมือนทหารในทางอ้อม กล่าวคือ ฮวารังมีหน้าที่ให้การฝึกอบรมทางหทารเช่นกันแม้ไม่ใช่แกนนำหลัก นายพลที่ยิ่งใหญ่ทางด้านการทหารของฮวารังในเวลาต่อมาคือ คือ นายพลคิมยูซิน
นอกจากในบทบาททางทหารพวกเขา พวกเขายังมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทรงเจ้าเข้าผี การร้องเพลงเต้นรำ และ ดื่มด่ำตามธรรมชาติตามที่ฮวารังเลือกที่จะเดินทาง ในเรื่องของการทรงเจ้าเข้าผี ยังได้มีการอธิบายต่ออีกว่า ถึงการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง และ สวมเสื้อผ้าชั้นดี มันคือสัญลักษณ์ในอันการแสดงออกอย่างหนึ่งเท่านั้นที่ฮวารังเลือกใช้แม้แต่อาจะเป็นการแสดงความจงรักภักดี ดังนั้นบทบาทและหน้าของฮวารังมีสามอย่าง คือ นักรบ หมอผี หรือ ผู้เกี่ยวข้องกับศาสนา ศาสนาพุทธ มหายาน ถูกนำมาใช้เป็นศาสนาของฮวารัง และ ยึดมั่นและเชื่อในพระศรีอาริยเมไตร เป็นอย่างมาก
แม้ในละครเราจะห็นบทบาทหลักของ ฮวารังในแง่ของนักรบ แต่จริงช่วงหลังๆ ของโชซอนพวกเขาก็เปลี่ยนไปในการเป็นคนทรงก่อนค่อยๆ หาย ๆไป
บัญญัติห้าประการของ ฮวารัง
บัญญัติทั้งห้าเป็นสิ่งก่อเกิดขึ้นมากับสองสิ่งคือ พุทธศาสนา ที่เกี่ยวพันธ์กับพระศรีอริยเมไตร และ ลิทธิขงจื้อ บัญญตินี้เรียกร้องความภักดีและความกตัญญูมากจากคำสั่งสอนแบบดั้งเดิมของขงจื้อในการรับใช้ผู้ปกครอง และ ประพฤติตนอย่างเหมาะสม
บทบัญญัติห้าประการประกอบด้วย
1.รับใช้กษัตริย์ด้วยความภักดี
2.ความกตัญญูต่อบิดามารดา
3. ซื่อสัตย์ต่อเพื่อนเสมอ
4.อย่าถอยในการสู้รบ
5.ไม่ฆ่าใครโดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามฮวารังไม่ได้มีการผสมแค่กับขงจื้อและ พุทธศาสนาเท่านั้น แต่ยังมีร่องรอยของลิทธิเต๋า และ ลัทธิทรงเจ้าเข้าผีพื้นเมืองมารวมอยู่ด้วย ช่างเป็นการผสมผสานหลายอย่างจนเกิดเป็นฮวารัง ไม่แปลกเลยที่ฮวารังจะมีบทบาทหน้าที่ในสังคมชิลลามากกมายไม่ใช่เพียงบทบาทของนักรบเท่านั้น

ที่นี้เรามาทำความรู้จักบุคคลที่ถือได้ว่ามีความสำคัญต่อองค์กรฮวารัง ทั้งการเป็น ฮวารัง และ วอนฮวา มีทั้งแบบรายบุคคล และ แบบกลุ่มบุคคล เนืองจากฮวารังมีการรวมกลุ่มหลายกลุ่มที่ล้วนมีบทบาทในองค์กรฮวารัง สำหรับบุคคล ที่สำคัญ ที่เริ่มจากฮวารังและกลายเป็นคนทีมึความสำคัญทางด้านการเมืองและการทหารชิลลา เช่น
คนแรก เรารู้จักเขาเป็นอย่างดี ผ่าน ซีรีย์ เรื่อง ซอนต๊อก เขาคือ คิมยูซิน เป็นฮวารัง และ ได้กลายมาเป็นผู้นำที่สำคัญทางทหารของชิลลา เรื่องราวของเขาปรากฏใน ซัมกุง ยุกซา มีการบันทึกเรื่องราวในแง่มุมของทหาร เขาเป็นที่รู้จักกันดีในนามฮวารังผู้มีชื่อเสียงที่กลายเป็นนายพลคนสำคัญของชิลลา แต่ภูมิหลังของเขามีจุดเริ่มต้นจากฮวารังของความเป็นกระดูกแท้ ชนชั้นสูง ความเป็นนักสู้ของเขามาจากการถูกฝึกฝนจากการเป็นฮวารัง เขากิดในปี ค.ศ.595-673 คิมยูซิน เป็นคนเชื้อสาย คายา ที่ปกครองทางตะวันตกของชิลลา จาก ค.ศ 42-532 และ ใน ซัมกุก เซกี ที่บันทึกโดย คิมบูซิค เล่าถึงตำนานการกำเนิดของเขาไว้ว่า บิดาของเขาฝันถึงดาวเคราะห์ ดาวเสาร์ และ ดาวอังคาร ตกลงบนยอดเขา ในขณะที่มารดาของเขาฝันเห็นเด็กมาที่ห้องของเธอสวมเกราะสีทองส่องประกายสุกใสขณะที่เขาลอบอยู่บนก้อนเมฆ เขาคือ บุตรชายของ คิมซอฮยอน และ มานมยอง ปู่ทวดของเขาคือ พระเจ้า คิมแฮ กษัตริย์องค์สุดท้ายของคายา ไม่แปลกที่เขาจะมีกลุ่มฮวารังที่เขาเป็นผู้นำเป็นคายา 
คิมยูซิน เป็น ฮวารังที่ประสบความสำเร็จ เขามีบทบาททางการทหารต่อชิลลาช่วง ค.ศ.7 สงคราม ระหว่าง แพ็คเจ และ ชิลลา มีจีนเป็นตัวแปร ทำให้ทั้งสองอาณาจักรไม่สามารถครอบครองชิลลาได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากความสามารถของ นายพล คิมยูซิน ที่มีต่อชิลลา เขาเป็นผู้นำทางการทหารที่แข็งแกร่งโด่ดเด่นโดยการนำทหารเข้ารวมกับจีนในการเอาชนะทั้ง แพ็คเจ และ โครยอ
เมื่อเขาอายุ 14 ปี เขาได้เข้ารวม ฮวารัง ซึ่งเป็นกลุ่มของเยาวชนยอดเยี่ยมและหัวกระทิของของชิลลา เขาอยู่ในกลุ่มต้นดอกไม้มังกร (Band of the Dragon Flower Tree) คิมยูซิน คือ แบบอย่างความดี และ จิตวิญญาณ ของฮวารัง มีอีกตำ่นานของ ซัมกุก ซากี เล่าว่า เมื่อเขาเข้าไปในถ้ำเขามีอายุ 16 ปี หลังจากการสวดมนต์ภาวนา และ ชำระตัวเอง ในตอนนั้นเองคิมยูซินได้เจอทาสคนหนึ่งนามว่า นันซึง เขาได้เรียนวิชาในการรวมสามอาณาจักรเพิ่อใ้หเป็นหนึ่งเดียว หนึ่งปีต่อมา คิมยูซิน เขาไปยังหุบเขาลึก การขอพรเพื่อให้ดาบของเขามีพลัง หลังจากนั้นสามวันแสงสว่างและดาบก็ส่องมาจากฟ้า และ ดาบสั่นไหว ตำนานนี้ช่วยเธิบายความยิ่งใหญ่ของนายพล คิมยูซิน ความขัดแย้งของสามอาณาจักร คิมยูซินทีความสำคัญอยากมากในการปกป้องชิลลา โดยเกี่ยวข้องราชวงศ์ถัง เพื่อต่อสู้กับแพคเจ คิมยูซินถือได้ว่าเป็นกำลังหลักในการรวบรวมสามอาณาจักรไว้ด้วยกัน

เมื่อถึงวัยผู้ใหญ่ เขาแต่งงานกับน้องสาวของเพื่อนที่ดีของเขา นักการทูตชื่อดัง คิมชุนชู และต่อมาช่วยเขาในการครองราชย์ราชย์กลายเป็นพระเจ้ามูยอล ในปี ค.ศ.641 รัชสมัยของพระราชินี ซอนต๊อก (ค.ศ.632-647) คิมชุนชู ถูกส่งไปทำหน้าที่ทูตต่อพระเจ้าโบจัง แห่งโครยอ เพื่อขอความช่วยเหลือจากต่อต้านแพคเจ ที่รุกรานชิลลายิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตามโครยอยื่นข้อเสนอซึ่งต่อมาถุกปฎิเสธโดยพระราชินีซอนด๊อก ทำให้ คิมชุนโช ถูกจำคุก ทำให้พระราชินีซอนด๊อก ส่งกองทัพ 1,000 คน โดยมีคิมยูซิเพื่อช่วยเหลือ คิมชุนชู ออกมา แสดงให้เห็นถึงความไว้วางพระทัยต่อเขาเป็นอย่างมากในการทำภารกอจสำคัญ คิมยูซินเป็นผู้ที่มีความจงรักภักดีต่อราชบัลลังค์จนวาระสุดท้ายของชีวิตเขาในสมัยพระเจ้ามุนมู
สุสาน คิมยูซิน

สุสานคิมยูซิน
รางวัลของพยายามของ คิมยูซิน ที่มีต่อการปกป้องชิลลาทำให้เขาได้รับเกรียติแกคนมากมาย ภายหลังการเสียชีวิตของเขาในปี ค.ศ. 673 ร่างของเขาถูกฝังไว้ที่เมืองคยองจู กองหินล้อมรอบด้วยแผ่นหิน 12 แผ่น แต่ละแผ่นแสดงสัญลักษณ์ของจักรราศีสัตว์ตะวันออกที่ได้ทำการแกะสลักไว้เพื่อปกป้องเพื่อใ้ห้ร่างของเขา
คนต่อมา คือ มีซิล สตรีผู้มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์เกาหลี และ ปรากฏในบันทึกของ ฮวรารัง เซกี กล่าวว่า พระนางเป็นบุตรสาวของแม่ทัพแห่งชิลลา นาม มินจินบู และ พระนาง มโยโด โดยญาติของพระนางเป็นพระมเหสีของพระเจ้าจินฮึง และ ครอบครัวของพระนางก็ดำรงตำแหน่งขุนนางในพระราชวัง ความสัมพันหล่าวนี้ทำให้พระนางมีซิล มีบทบาทและ อิทธิพลอย่างมากต่อชิลลา เชื่อกันว่าพระนางเกิดใน ปี ค.ศ.540 -ุ 635 พระนางเกิดในชนชั้นสูง กระดูกแท้ของสังคมชิลลา
บันทึกของ ฮวารัง เซกี ความสัมพันธ์กับ กษัตริย์ชิลลา 3 พระองค์ คือ พระเจ้าจินฮึง พระเจ้น จินจี และ พระเจ้าจินพยอง ในฐานะของพระสนม แสดงการมีอำนาจของพระนางที่มีในราชสำนัก พระนางมีบุตรชายสองคน คือ ฮาจง และ โพจง ซึ่งบิดาของทั้งสองคนล้วนเป็นคนสำคัญของชิลลานั้นทำให้พระนางคือสตรีที่มีอำนาจต่อรองในราชสำนัก และ ทรงอิทธิพลต่อชิลลา ในช่วง ค.ศ.6

นอกจากนี้ใน ฮวารัง เซกี ได้มีการกล่าวถึงกลุ่มบุคคลที่สำคัญของฮวารัง นอกจาก กลุ่มมิซิล (กลุ่มทางพิธีกรรม) แล้ว ยังมีอีกหลายกลุุ่มแตกย่อยในองค์กรฮวารัง เช่น กลุ่มมุนโน (กลุ่มทางทหาร) กลุ่มคายา (ที่ประกอบด้วยชนชั้นสูงของคายา คิมยูซินอยู่ในกลุ่มนี้) กลุ่มแดวอน , กลุ่ม ทงฮัป และ กลุ่ม จินโกล (กลุ่มส่งเสริมพิธักรรมและ สิทธิพิเศษของคนที่มีสถานะกระดูกแท้)
ที่นี้เรามาทำความรู้จัก กลุ่มของ มุนโน ถ้าใครได้ดู ซีรีย์ เรื่องซอนด๊อก มุนโน ถือได้ว่าเป็นผู้นำที่ได้รับความนับถือของ ฮวารัง เป็นอย่างมาก ผู้ติดตามมุนโน ถูกขนานามว่า ผู้มีรูปร่างอรชร แต่ก็ยังคงได้รับการดูถูกทำให้สถานะของผู้ติดตามกลุ่มมุนโนไม่ได้ราบรื่น อาจจะเพราะพวกเขาไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากชนชั้นสู. เนืองจากชิลลายังให้ความสำคัญกับผู้เป็นกระดูกแท้แม้แต่ผู้ติดตามของมุนโนยังได้รับการดูถูกแม้จะป็นฮวารังด้วยกันเองก็ตาม
หลักฐานและการบันทึกเรื่องราวของ ฮวารัง
เอกสารที่ปรากฏชัด ๆ คือ ซัมกุง ยุกซา , ซัมกุง ซากี หรือ ฮวารัง เซกี ที่บันทึกเรื่องราว บุคคลสำคัญแห่งฮวารัง นักประวัติศาสตร์ได้ให้ความสนใจ ฮวารัง เนืองจากเรื่องราวทางประวัติศษสตร์ที่นักรบที่ปรากฏให้ได้ยิน และ บุคคลสำคัญของชิลลาล้วนมีจุดเริ่มต้นของการฝึกฝนมาจาก ฮวารัง จนกล่าว่า ฮวารัง คือ อัศวินเกาหลี
ในสวนของ ฮวารังเซกี คือ บันทึกเรื่องราวของฮวารัง แห่งชิลลา เช่นกัน โดยได้เขียนบันทึกเรื่องราวของสมัยพระนางซอนด๊อก โดยคิมบูซิค ได้รวบรวมเรื่องราวของฮวารัง ไว้ทั้ง ตำนาน เกร็ดเล็กๆ น้อย ๆ
นักประวัติศาสตร์เกาหลียุคใหม่ มองว่า ฮวารังโด และ บูชิโด ญี่ปุ่น มีความคล้ายกันของการรบ แต่ก็จริงในบางแง่มุมเท่านั้น เยาชนในชนชั้นสูงของชิลลาก็ใช้ชีวิตแบบชนชั้นสูงของพวกเขา ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบซามูไร ซึ่งแตกต่างจาก วิถีชีวิตแบบ ฮวารัง รักศิลปะ รักธรรมชาติ ในส่วนของ บูชิโด มันคือ วิถีนักรบ แบบ ซามูไร แตกต่างจาก ฮวารังในบ้างเรื่อง แต่กฏบางอย่างมีความคล้ายกัน ฮวารังโด คือ ศิลปะการต่อสู้ของเกาหลีคือความภาคภูมิใจของชาวเกาหลี ดังนั้นความภูมิใจในฮวารังเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ผ่านศิลปะการต่อสู้ของพวกเขา
ศิลปะการต่อสู้แบบ ฮวารังโด ที่กลายเป็นศิลปะการต่อสู้แบบใหม่ที่ก่อตั้งโดย ลีโจบัง และ ลีโจซัง
การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แต่ไม่มีเทคนิคการต่อสูู้แบบไม่มีอาวุธที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะจากนักรบ ฮซารัง ฮวารังมุ่งเน้้นไปที่การศึกษาแบบดั้งเดิมและ กลยุทธ์ทางทหารของจีนรวมผสมการต่อสู้ของฮวารัง
มันเป็นความจริงทางประวัติศาสตร์ที่ว่า ฮวารังคือชายหนุ่มชนชั้นสูงที่รวมตัวกันในภูเขาของเกาหลี เพื่อศึกษา ศิลปะ วรรณกรรม บทกวีคลาสสิคจีน แม้พวกเขาจะไม่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพดังเช่นทหารอาจะป็นกองกำลังหนุนที่ถือได้ว่าเป็นพลังของการจัดตั้งกองกำลังของชิลลา และ พวกเขาก็คงมีความคงรักภักดีต่อกษัตริย์ และ ประเทศ ทำให้เรารู้สึกได้ว่าครั้งหนึ่งสถานที่แห่งนี้คือ ที่นักรบฮวารังเคยอยู่
โบราณสถานที่สำคัญของ ฮวารัง คือ วัดชินซัน ตั้งนอกเมืองคยองจู เราสามารถที่จะสัมผัส ฮวารังได้ที่แห่งนี้ เราสามารถที่จิตนาการถึงการรบของฮซารัง การใช้ชีวิตอยู่ ท่ามกลางหุบเขา ในพื้นที่แห่งนี้
เยาวชนฮวารังถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์พิเศษในสังคมชิลลา ชายหนุ่มหัวกระทิรวมตัวกันในองค์กรแห่งนี้ที่มีการสองทักษะหลากหลายมากมาย พวกเขามีความรู้ในศิลปะทางการทหาร วรรณกรรม ศาสนา และ ค่านิยมแบบดั้งเดิม ผสมผสานกับการทรงเจ้าเข้าผี สวดอ้อนวอนเพื่อคุ้มครองชิลลา ในบทบาททางการทหารมันสร้างขึ้นมาเพื่อฮวารังเพื่ออาชีพในอนาคตของพวกเขาดังเช่นนาพล คิมยูซิน โดยรวมแล้วองค์กรฮวารังของชิลลา ก่อให้เกิดผู้นำที่สำคัญโด่ดเด่นและประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพในการปลูกฝังเยาวชนชายให้กลายเป็นคนสำคัญทางการเมืองและการทหารแห่งชิลลา
เครืองแต่งกายฮวารัง
นี้คือ ตัวอย่างของเครื่องแต่งกายของฮวารัง ปรากฏแสดงในพิพิธภัณฑ์ เกาหลี
ฮวารังในโชซอน และ เกาหลีรวมสมัย
นักวิชาการหลายคนมีความเห็นขัดแย้งกันในการล่มสลายและการดำรงอยู่ของฮวารังภายหลังการสิ้นสุดของยุคชิลลา พวกเขาหายไปหลังการสิ้นสุดของ ฮวารัง บางคนกล่าวว่า การเป็นนักรบถูกลดบทบาทลง แต่การเป็นผู้รอบรู้ทางกวี ดนตรี และ การเต้นรำของพวกเขาอาจจะยังคงปรากฏอยู่ การหายไปของฮซารังเพราะการจบลงของสงครามชิลลายังเป็นปริศนาต่อไป เรายังคงต้องหาคำตอบต่อไปว่าทำไม ฮวารังถึงค่อย ๆ สูญเสียความสำคัญไปในประวัติศาสตร์เกาหลี
หลังการล้มสลายของชิลลา เกิดการเสื่อมถอยของฮวารัง ฮวารังยังคงรอดพ้นการเปลี่ยนแปลงไปได้ และกลับมามีความหมายอีกครั้ง มัน คือ ความหมายของหมอผีชายแทน จนสุดท้ายยกเลิกไปในปลายสมัยโชซอน และ ปัจจุบันนี้ ชื่อของฮารังก็มักจะได้นำมาใช้เป็นชื่อของโรงเรียน องค์กร และ บริษัท ต่อมาปรากฏ ช่วง ค.ศ.20 ฮวารังกลับมาอีกครั้งในรูปแบบเทควันโดฮวารัง เป็นศิลปะการต่อสู้ของเกาหลีที่แพร่กระจายตามประเพณีแบบฮวารัง
อ้างอิง https://www.ancient.eu/Hwarang/ ; https://men.mthai.com/infocus/33142.html ;https://www.newworldencyclopedia.org/entry/Hwarang ;https://www.britannica.com/topic/hwarangdo ;http://www.hrknapa.com/History_of_Hwarang.html ;https://www.ancient-origins.net/history-famous-people/hwarang-flowering-knights-korea-deadly-warriors-looked-and-smelled-good-009027 ;
https://www.facebook.com/ahencyclopedia/posts/1187513748010034 ;
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น