การละเล่นพื้นบ้านของหมู่บ้านยางดอง ชักเย่อ
ตอนนี้เรามาทำความรู้จักการละเล่นประจำหมู่บ้านกันดีกว่า นั้นคือ ชักเย่อ ที่มาเนื่องจากการตั้งบ้านของตระกูล Yi และ ตระกูล Son เป็นศูนย์กลางของหมู่บ้านยางดอง เราสามารถที่จะแบ่งหมู่บ้านได้ออกเป็นสองส่วน คือ หมู่บ้านบน และ หมู่บ้านล่าง เกมแบบดั้งเดิมของทั้งสองหมู่บ้านนั้นนี้ได้รับส่งต่อมาจนกระทั้งปัจจุบัน ตามปฎิทินจันทรคติในวันที่ 15 ของเดือนมกราคมนั้นทั้งสองหมู่บ้านจะทำเชือกฟางในการแข่งขันชักเย่อ กล่าวกันว่าชาวอียิปต์โบราณก็เล่นเกมแบบเดียวกัน จากเอกสารของ korean tourism organization ได้ทำการสอบถามชาวบ้านในหมู่บ้านถึงเกมนี้ว่ามันมีความหมายอย่างไรกัน เล่ากันว่า ถัาหากหมู่บ้านบนชนะการแข่งขันจะมีเก็บเกี่ยวที่ดีขึ้นในปีนั้น และ ถ้าหมู่บ้านล่างงชนะหมู่บ้านก็จะมีความสงบสุข ดังนั้นการเล่นเกมนี้ถือได้ว่าไม่ว่าหมู่บ้านบน หรือ หมู่บ้านล่างชนะก็ล้วนแต่เป็นผลดีให้กับมหมู่บ้าน เมื่อการแข่งขันจบสิ้นลงชาวบ้านก็จะตัดเชือกด้านของผู้ชนะและโยนขึ้นไปบนหลังคา พวกเขาเชื่อกันว่าสิ่งนี้นำมาซึ่งความสงบสุขมายังครอบครัวตลอดทั้งปี สิ่งที่ทำให้ประเพณีดีนี้ยังคงอยู่เนื่อมาจากการที่ทั้งสองตระกูลมักทำงานได้กันในการแข่งขันอย่างมีมิตรภาพที่จะรักษาวัฒนธรรมและ ประเพณีของหมู่บ้าน
จากนี้เราไปดูบ้านหลังอื่น ๆ ที่มาความสำคัญภายในหมู่บ้านยางดอง
- บ้าน Mucheomdang มูชอมดัง บ้านสำคัญแห่งตระกูล Yi
ตามประเพณีของเกาหลีนั้นลุกคนแรกของครอบครัวจะทำหน้าที่ในการสิบทอดบ้านแ และ รับผิดชอบหน้าที่ทั้งหมดของการเป็นหัวหน้าครอบครัว บ้านแห่งนี้เป็นบ้านของตระกูล Yi เป็นเวลาหลายปี บุตรชายที่เกิดคนแรกจะทำการสืบทอดมรดกของตระกูล อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ และ จัดการในพิธีกรรมของบรรพบุรุษ ศาลเจ้าในบ้านนี้ตั้งอยู่มุมเหนือสุดของบ้าน และ ตามด้วยอาคารสำหรับในการทำพิธี และ ส่วนของห้องนั่งเล่น พื้นที่ห้องนั่งเล่นที่มีขนาดใหญ่ปูด้วยไม้นั้นเป็นสถานที่สมาชิกในครอบครัวของตระกูล Yi จะรวมสมาชิกดอยู่ด้วยกัน และ ใช้บริเวณนั้นในการแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ บ้านแห่งนี้จึงถือได้ว่ามีความสำคัญในการทำพิธีของคนในตระกลูนี้เช่นกัน
ชื่อของ บ้าน Mucheomdang ได้รับมาจากวลีของหนังสือเก่าแก่ที่ว่า "ตื่นแต่เช้าและ ทำงานจนดึกเพื่อทำให้คนที่พาคุณมาในโลกภูมิใจ บ้านมูชอมดัง เป็นบ้านเกาหลีแบบดั้งเดิมที่ทั้งเรียบง่ายและ ซับซ้อน เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆเราจะเห็นการออกแบบที่ทำให้บ้านหลังนี้มีความพิเศษมาก หลังคามีสองส่วนผสานกันความสามารถในการรวมหลังคาเข้าด้วยกัน อันที่จริงแล้วบ้านหลังคาที่ห้องนั่งเล่นเป็นหลังคาแบบหน้าจั่้วเรียบง่ายแต่คงสวยงามตามรูปแบบของบ้านโบราณเกาหลี ใมทางตรงกันข้ามอาคารที่เพิ่มเข้าไปหลังคาดูเมือนจะเพรียวบางและ สวยงาม มันเป็นหลังคาปั่นหยา และเรามักจะพบการสร้างหลังคาแบบนี้ในพระบรมมหาราชวังเกาหลีอบ่อยครั้ง
หินฐานกลมที่ใช้ยึดตัวเสายากมาที่จะพบเห็นแบบนี้ในบ้านโบราณเกาหลีส่วนมากจะปรากฏเสากลมในพระบรมมหาราชวัง บ้านคนสวนมากจะทำเป็นเสาสี่เหลี่ยม แม้ว่าบ่้านหลังนี้จะถูกสร้างเป็นที่พักส่วนตัว แต่รูปแบบของอาคารดูมีความสาธารณะเพื่อใช้ในส่วนของห้องโถง ถือได้ว่าบ้านหลังนี้เป็นตัวอย่างยอดเยี่ยมของโครงสร้าง
- อนุสรณ์สถานต่อกษัตริย์ และ Naegokjeong
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในหมู่บ้าน Naegokjeong เป็นศาลาสร้างขึ้นในความทรงจำของ Yi jae gyo โดยเพื่อนของเขา และ สมาชิกในครอบครัวที่รอดชีวิต ในปี 2427 เมื่อราชวงศ์โชซอนยังคงปิดตัวเป็นดินแดนฤาษีซึ่งเป็นหลักการปกครองแบบขงจื้อ รัฐบาลได้ทำการพิจารณาแนะนำการแต่งกายแบบตะวันตกอันเป็นส่วนหนึ่งของการปฎิรูป อย่างไรก็ตามนักวิชาการขงจื้อแนวอนุรักษ์นิยมแห่งโชซอนไม่เห็นอย่างยิ่งกับแผนนี้เพราะพวกเขากลัวว่าราชวงศ์โชซอนอาจจะสูญเสียประเพณี และ มีความตกต่ำทางเศษฐกิจ อันที่จริงแล้วการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นปัญหาการถกเถียงกันในเวลานั้น นักวิชาการขงจื้ออนุรักษ์นิยมที่กระจายตัวอยู่ตามคาบสมุทรเกาหลี และ Yi jae gyo ริเริ่มการเคลื่อนไหวเพื่อให้กษัตริย์ได้ฟังเสียงของพวกเขา โชคร้ายที่ได้เกิดการรัฐประหารขึ้นดังนั้นจดหมายความทรงจำของพวกเขาไม่ได้เคยได้ไปถึงกษัตริย์ของพวกเขา นอกจากนี้แผนการที่จะแนะนำเครื่องแต่งกายใหม่เพื่อคนเกาหลีต้องถูกโมฆะ อย่างไรก็ตามหนึ่งทศวรรษต่อมาราชวงค์โชซอนได้ทำการปฎิรูปนโยบาย และ ยอมรับเสื้อผ้าแบบตะวันตก
![]() |
อนุสรณ์สถานต่อกษัตริย์ และ Naegokjeong |
บ้าน Nakseondang สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกรียติแก่ชายคนหนึ่งนามว่า Son Jong ro ในปี 2179 โชซอนทำสงครามกับการรุกรานกับราชวงศ์ชิงของจีน ในเวลานั้น Son Jong ro รับราชการเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น แต่เขาได้ตัดสินใจที่จะไปเมืองหลวงทันที่เกิดสงครามขึ้น
Son Jong ro : ได้กล่าวไว้ว่า ประเทศนี้กำลังมีปัญหา ข้าพเจ้าจะไปช่วยกษัตริย์เพื่อปกป้องเขา ถ้าเจ้าตามข้าไปเจ้าอาจไม่ได้เห็นบ้านอีกครั้ง ทาสของข้าอยู่ข้างหลัง
มีชายคนหนึ่งซึ่งหยุด Son Jong ro เขาคือทาสของ Son Jong ro นามว่า Eokbu
Eokbu : กล่าวว่า ข้าไม่ยอมให้เป็นเช่นนัน เจ้านายของข้า ข้าเป็นทาสที่ต้อยต่ำแต่ข้าได้ประโยชน์จากรัฐเช่นกัน นายของข้า ข้าจะตามท่านไปยังจุดสิ้นสุดของโลก
Son Jong ro :: ถ้านั้นคือความประสงค์ของเจ้าแล้ว Eokbu เราต้องช่วยกษัตริย์กัน
ต่อมาชายทั้งสองเสียชีวิตลงในสนามรบ ร่างกายของพวกเขาไม่เคยได้คืนมา ดังนั้นสมาชิกครอบครัวที่รอดชีวิตจึงต้องแทนที่พวกเขาด้วยเสื้อผ้าสำหรับงานศพ นับตั้งแต่นั้น บ้าน Nakseondang มีความหมายเหมือนกันกับความกล้าหาญ และ ความเสียสละของ Son Jong ro และ ทาสที่สื่อสัตย์ของเขานาม Eokbu ที่บริเวณทางเข้าของหมู่บ้าน มีอนุสาวรีย์แห่งเกียตริยศที่ถูกสร้างตามคำสั่งของกษัตริย์เพื่อรำลึกถึงความจงรักภักดีของ Son Jong ro อีด้านของอนุสาวรีย์แห่งความทรงจำเพื่อทาสของเขา Eokbu
![]() |
บ้าน Nakseondang |
![]() |
บ้าน Nakseondang |
![]() |
บ้าน Nakseondang |
ศาลานี้สร้างขึ้นในปี 2103 และ บูรณะในปี 2460 หลังจากถูกไฟไหม้ทำลายบ้านของข้ารับใช้ทั้งหมด ศาลาเป็นรูปตัว L มีห้องโถงหลักตรงมุมมีห้องพักทั้งสองด้านของห้องโถงใหญ่ และ เฉลียงด้วย ศาลาแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ด้านของหมู่บ้านเป็นศาลาที่สร้างขึ้นจากความทรงจำของ Yi Eon Gwal ในศาลาแห่งนี้มีกระดาษไม้สามแผ่นที่แขวนแผ่นที่แกะสลักคำสอนของ Yi Eon Gwal
แผ่นที่ 1 สอนว่า นักวิาการขงจื้อที่น่านับถือต้องควบคุมอาหาร และ คิดก่อนที่จะพูดเพื่อที่จะมีคุณธรรม
แผ่นที่ 2 สอนว่า คุณสามารถบอกสิ่งเป็นลักษณะของผู้ชายที่คล้ายโดยการค้นหาเพื่อหนึ่งในคุณลักษณะ ชายผู้มีความเมตตาสามารถที่จะถูกจับได้โดยการกระทำของเขา : บุรุษฉลาดสามารถถูกจับได้โดยแนวทางในการแก้ปัญหาของเขา และ คนแข็งแรงสามารถถุกจับได้โดยความคิดของเขา
แผ่นที่ 3 สอนว่าคนเราต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน
ศาลาชิมซูจอง ถูกสร้างขึ้นเพื่อลูกหลานของเขาเพื่อให้จดจำคำสั่งสอนของเขา
นี้คือเรื่องราวบางส่วนที่ทางผู้เขียนต้องการจะแนะนำเรื่องราวของยางดอง ประกอบการสร้างสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ และ บ้านโบราณเกาหลี ทุก ๆ ที่ล้วนมีเรื่องราวที่แสดงให้เห็นถึงคุณงามความดีของบุคคลแห่งตระกูล Yi และ Son ความซื่อสัตย์ในวิชาการแบบขงจื้อผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์ รวมทั้งคำสอนดีแก่คนรุ่นหลัง ตระกูลทั้งสองพยายามรักษาขนบธรรมเนียประเพณีแห่งโชซอนไว้ แม้แต่การยอมเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องพระราชาของพวกเขา
เมื่อไปเคียงจู อย่าลืมไปหมู่บ้านที่มีความสวยงามทั้งประติมากรรม และ เรื่องราวคำสอนของนักคิดนักปราชญ์ขงจื้อ รวมทั้งบรรยากาศหมู่บ้านที่แสนสวยงามตามหุบเขาไล่ระดับ แม้จะเดินเหนื่อยแต่คุ้มจริง
ปล. ภาพประกอบนั้นผู้เขียนำต้องใช้จากข้างนอก ฝีมือถ่ายภาพของผู้เขียนไม่โอเท่าไหร่ เคดริตตามข้างล่างนะค่ะ หากสนใจลองตามไปดูได้
Cr. https://www.orientalarchitecture.com/sid/428/korea-south/yangdong/simsujeong-pavilion ,
https://www.minube.co.uk/photos/place/3678849 cr.Kris por el mundo , Korean Tourism organization
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น